Wednesday, December 25, 2013

วิเคราะห์กองทุนและบัญชีเงิงฝากระยะสั้นที่น่าสนใจ


ในสถานการที่บ้านเมืองไม่ค่อยแน่นอน นักลงทุนคงต้องหา alternative ในการลงทุนที่ไม่เสี่ยงมากแต่ให้ผลตอบแทนพอควรในระดับหนึ่ง
ผมจึงทำการวิเคราะห์ผลตอบแทนสำหรับกองทุนและบัญชีเงินฝากระยะสั้นที่ผมคุ้นเคย

1) กองทุนเปิดธนชาต Income Plus (T-IncomePlus)
คำนวนย้อนหลัง ตั้งแต่ 1/11/2013 จนถึง 23/12/2013 ได้ให้ผลแตบแทนที่ 3.04%ต่อปี ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควรสำหรับกองทุนรายวัน
หากมองย้อรหลังตั้งแต่เปิดกอง ก็เคยลงแค่ 2 ครั่ง
http://www.wealthmagik.com/FundInfo/FundProfile.aspx?FundHouse=0C00001S2B&FUNDTYPE=FIXSTB&SHARECLASS=F00000PRTR
ถือว่าเป็นอี่กกองทุนที่น่าสนใจเมื่อเที่ยบกับการออมเงินระยะสั้นอื่นๆเพราะสามารถที่จะถอน/ฝากเมื่อไหรก็ได้
Rate: 4/5

2) กองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน (T-CASH)
คำนวนย้อนหลัง ตั้งแต่ 4/12/2013 จนถึง 23/12/2013 ได้ให้ผลแตบแทนที่ 2.33%ต่อปี ถือว่าพอควรสำหรับกองทันรายวันที่สามารถโยกเงินได้ทันที
ใช้บริการเกื่อบปีแล้ว หากขายหุ้นออกมาก็มักจะแช่ไว้ใน T-CASH และรอจังหวะซื้อที่เหมาะสม
http://www.wealthmagik.com/FundInfo/FundPerformance.aspx?FundHouse=0C00001S2B&FundType=MMF&ShareClass=F000000RJK
ตั้งแต่ T-IncomePlus เปิดตัว ความน่าสนใจของ T-CASH ก็หายไปเพราะอัตราค่าตอบแทนถือว่าน้อยกว่า T-IncomePlus เยอะ
Rate: 2/5

3) บัญชี Thanachart UltraSaving
ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.57% ต่อปี คำนวนย้อนหลังจาก 9/9/2013 ถึง 9/12/2013 ธนาคารจะให้ดอกเบี้ยเข้าบัญชีทุกๆ วันที่ 9 ของเดือน
ถึงแม้ธนาคารจะให้รายละเอียดที่ 2.65%ต่อปี แต่ในความเป็นจริงได้มีการปรั่บเปลี่ยนอัตราผลตอบแทนเงินฝากจาก 2.65%ต่อไปลงถึง 2.5%ต่อปี
ข้อดีคือ สามารถทำการถอนทุกเวลาแต่ไม่เกิน 2 ครั่งต่อเดือน
ถือเป็นการออมเงินที่ดีมาก และสามารถโยกย้ายเงินทุนเข้าตลาดได้ทุกเมื้อ
Rate: 4/5

4) กองทุนไทยพานิชย์ Short-Term SCB Fund (ลงทุนใน Turkey)
จากข้อมูลที่เสนอมา ผลตอบแทนจะตกที่ 3.2%ตอปี ถึง 3.25%ต่อปี
ถือเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสำหรับการลงทุนในระยะสะสั้น (3/6 เดือน)
ข้อเสียคือ นักลงทมุนไม่สามาถถอนเงินจากกองทุนก่อนครบกำหนัด
Rate: 4/5

และยังมีอี่กหลายๆกองทุนหริอการออมระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนดี เช่นของธนาคารกรุงศรี ธนาคารทหารไทย และ ธนาคารทิสโก้

Thursday, December 19, 2013

ไทยพานิชสาขาหาดใหญ่ - บริการ 2 เต็ม 5 ดาว

ในถานะเป็นผู้ที่ใช้บริการเล็กๆน้อยๆของไทยพานิชค่อนข้างบ่อย  ผมขอแสดงความไม่พ่อใจในการบริการสาขาหาดใหญ่อย่างมาก

กล่าวได้ว่า ผมเข้าไทยพานิชบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นสาขาหาดใหญ่ สาขามอ.หาดใหญ่ สาขาย่อยโรบินสัน สาขาย่้อยเตสโก้โลตัส และิี่อี่กหลายๆที่ในจังวัดสงขลา ในบรรดาสาขาหล่าวนี้ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า สาขาหาดใหญ่เป็นสาขาที่ให้บริการแย่ที่สุด
ไม่ว่าเป็นการให้ลูกค้าที่มาหลังแซงคิว ปล่อยให้ลูกค้ารอเป็นครึ่งชั่วโมงทั้งๆที่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์บางคนจิ้มแต่โทรศัพมือถือ หรือมัวแต่เล่นหุ้น
บรรกาศสาขาผมให้ 1 เต็ม 5

หากเป็นลูกค้าด่วนๆที่ทำรายการน้อยคงไม่ใช่ปัญหา แต่วันนี้ผมถูกคุณนายคนหนึ่งแซงคิวจนเกิน 20 นาทีมันก็แย่นะ ในความเป็นจริงผมเองก็ยังเห็นพนักงานบางคนว่าง เดินไปเดินมา

ด้านอัธยาศัย สาขาหาดใหญ่เป็นสาขาที่มีอัธยาศัยแย่ 1 ดาวเต็ม 5 ดาว
เมื่อ 3 ปีก่อนผู้จัดการสาขา (พี่กอล์ฟ) เป็นผู้จัดการที่มีอัธยาศัยดี เจอลูกค้าก็มักจะทักแบบจริงใจ(รู้สึกได้) แต่หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการใหม่เป็น (คุณมน) การบริการก็แย่

สวนพนักงานที่ให้บริการ ก็ให้บริการแบบไม่ค่อยเต็มใจ  แต่เก็บอาการอยู่ ผมให้ 4 เต็ม 5 ดาว

จึงขอสรุปว่า ไทยพานิชสาขาหาดใหญ่เป็นสาขาที่แย่มาก ควรปรั่บปรุงเป็นอย่างยิ่ง

ปล. ผมตั้งใจว่า หากปล่อยให้ผมรอเกิน 30 นาทีผมคงจะโทรไป 02-777-7777 เพื่อร้องเรียนอย่างแน่นอน (รอจนธนาคารปิดไป 10 นาทีด้วยซ้ำ ไม่มีใครมาทักหรือถามว่าทำรายการอะไร ผมจึงต้องนั่งรอแบบในเย็น)

Monday, December 9, 2013

การศึกษาไทย

ในถานะชาวต่างชาติที่อาสัยอยู่ประเทศไทยมานานพอสมควร ผมได้เห็นความล้อมเหลวของระบบการศึกษาไทย เ็ด็กไทยสวนใหญ่มักสบายเกินไปจนไม่กระตือเรอร้นที่จะหางานทำ หรือหาความรู้ใหม่ๆเข้าตัว ด้านภาษาเด็กไทยก็มักไม่สนใจ หรือยอมแพ้ง่ายมาก ผมจึ่งมีความเชื่อว่าจะไม่ยอมให้ลูกหลานผมมาเรียนในไทยในระดับอนุบาล ประดม ม.ต้น หรือม.ปลาย

ผมไม่คิดว่า homeschool หรือที่เรียกว่า การศึกษาน้องระบบหรือการศึกษาตามอธยสัย(กศน.)จะไม่มีประสิธทิภาพเสียที่เดียว เพราะการเรียนแบบนั่นจะคล้ายการเรียนในมหาลัย

กฏหมายในไทยบังคับให้เด็กทุกคนต้องอยู่ภายใต้กรอบการเรียนรู้ตามระบบโรงเรียนที่มีแต่การสอนให้ท่องจำเพื่อไปสอบ และไม่ได้ถูกสอนให้คิดเพื่อนำไปประยุกใช้ในชีวิตประจำวัน

ในเมื่อผมคงยังต้องอยู่ที่นี้อี่กหลายปีแล้วผมควรทำอย่างไรต่อละ? ผมมมี 3 ทางเลื่อกที่ผมทำได้:

ทางเลื่อกที่หนึ่งคือ การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาอย่างจริงจัง คำว่าจริงจังของผมมิได้หมายรวมถึงการต่อต้านด้วยการแสดงความคิดเห็นทางเฟสบุ๊ก หรือเว็บไซต์ต่างๆ แต่จะหมายถึงการที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาโดยไต๋เต้าไปถึงระดับผู้อำนวยการโรงเรียน หรืออธิการบดีมหาวิทยลาัย หรือขึ้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ การต่อสู้นี้จะหมายวมถึงการตั้งกระบวนมหาชนเพื่อขับไล่รัฐมนตรีที่เกี่ยวค้องออกไป และแต่งตั้งคนที่ผมคิดว่าเหมาะสมกับสถานการเข้ามาเพื่อทำงานแก้ไข่ปัญหา

ทางเลื่อกที่สองคือ การส่งลูกหลานไปเรียนที่ต่างประเทศ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้แพร่หลายมากที่สุดด้วย การส่งลูกไปรเียนต่างประเทศอาจจะทำให้ลูกหลานไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย และทำให้ลูกหลานไม่เข้าใจถึงระบบในไทย จึงต้องมีการผสมผสารวัฒนาธรรมไทยเข้าด้วยกัน ปัญหาต่อมาเด็กบางคนอาจจะถูกเลี้ยงแบบเอาแต่ใจ (spoiled) พ่อแม่ส่งเงินอย่างเดียวและสั่งให้ลูกตั้งใจเรียนโดยที่ไม่เคยให้ลูกหลานออกไปทำงาน part-time ซึ่งจะไม่ต่างจา่กให้ลูกเรียนในไทยเพราะเด็กหล่าวนี้จะเป็นแต่เรียน

ทางเลื่อกสุดท้ายคือการยอมรับสภาพ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามคุณก็ยินยอมที่จะให้ลูกหลานเรียนในระบบแบบไทยๆ ไม่ว่าคุณจะกัดฟันทนว่าลูกหลานต้องเรียนในระบบล้มเหลวแบบนี้ หรือคุณจะไปต่อต้านทางเว็บบอร์ดต่างๆ ก็ตาม ล้วนแต่มีความหมายที่ว่า คุณยินยอมให้ลูกหลานเรียนในระบบท่องจำ

ไม่ว่าจะผ่านไปอี่กกี่รุ้น หากไม่มีแม่แบบการแก้ปัญหา ปัญหาการศึกษาไทยล้มเหลวก็จะเป็นเรื่องปรกติ คนไทยก็จะถูกพม่าแซงในที่สุด